บุคคลที่หาได้ยาก
บุคคลที่หาได้ยากมีอยู่ด้วยกัน ๒ ประเภท ดังนี้
๑. บุพการี หมายถึง ผู้ทำอุปการะก่อน
๒. กตัญญู กตเวที หมายถึง บุคคลผู้รู้บุญคุณที่ท่านทำแล้ว และตอบแทนบุญคุณท่าน
๑) บุพการี หมายถึง ผู้ทำอุปการะก่อนคือ พ่อ แม่ ท่านจะรักและเลี้ยงดูเราตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่ เมื่อพ่อแม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ก็มีความยินดี พอใจ รักใคร่ลูกในครรภ์ ทะนุถนอมเลี้ยงดู เช่น ลูกต้องการกินอาหาร ชนิดใด พ่อ แม่ ก็ขวนขวายหาอาหารเหล่านั้นมาให้ลูกในครรภ์กิน ดังที่เรียกกันทั่วไปว่ามีอาการแพ้ท้อง เพราะลูกหิวอาหาร เมื่อแม่จะนั่ง นอน ยืน เดิน หรือทำงาน ก็ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนลูกในครรภ์ แม่ต้องคอยระวังอารมณ์ไม่ให้มีความโกรธ ความเศร้าหมอง ความขุ่นข้องหมองใจ เพราะเกรงว่าลูกในครรภ์จะสุขภาพจิตที่ไม่ดี แม่ต้องทนลำบากอุ้มท้องเป็นเวลาตั้ง ๙ เดือน กว่าจะครบกำหนดคลอด
ส่วนพ่อต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายเมื่อยามลูกเกิด และเตรียมเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ผ้าอ้อม เปล และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับเด็กแรกเกิด เมื่อถึงวันคลอดลูก แม่ต้องเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส ทั่วสรรพางค์กาย ประหนึ่งว่าจะขาดใจ ซึ่งไม่เคยเจ็บปวดอย่างนี้มาก่อนในชีวิต แม่ก็ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนั้น ถึงแม้ตัวจะตายแม่ก็ยอม ขอเพียงให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัย และมีร่างกายที่สมบูรณ์ แม่ก็มีความสุขใจแล้ว ส่วนพ่อก็เป็นทุกข์เป็นห่วงเป็นใย วิตกกังวล กระสับกระส่าย กระวนกระวายใจ ขณะแม่กำลังเจ็บปวดจะคลอดลูก เพราะมีความรัก ความห่วงใยทั้งแม่และลูกที่จะคลอดออกมา
เมื่อลูกเกิดมาแล้ว พ่อแม่ ยังต้องคอย เลี้ยงดูทะนุถนอม ดูแล เป็นอย่างดี แม่ต้องเสียสละเลือดในอกคือน้ำนมให้ลูกดื่มกิน อาหารที่แม่กินก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เผ็ด ไม่ให้รสจัด ทั้งเครื่องดองของเมาก็กินไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะมีผลเสียต่อสุขภาพของลูก อาหารชนิดใดที่ลูกไม่สามารถกินได้พ่อแม่ก็บดหรือใช้เครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วค่อย ๆ บรรจงป้อนอาหารลูกทีละเล็กทีละน้อย เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบทั้ง ๕ หมู่ จะได้มีสมองและร่างกายที่เจริญเติบโต แข็งแรง มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่สมบูรณ์ เมื่อยามลูกเจ็บป่วย พ่อแม่เจ็บปวดมากกว่าหลายร้อยเท่า ถ้าป่วยแทนกันได้ พ่อแม่ก็ยินดีจะเจ็บป่วยแทนลูก เพราะพ่อแม่มีความรักลูกยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อลูกยังเล็กถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ แล้วก็ไม่สามารถจะชำระล้างเองได้ พ่อแม่ก็ต้องคอยชำระล้างให้ทุกครั้ง จนกว่าจะช่วยเหลือตนเองได้ ก็เป็นเวลานานหลายปี โดยไม่ได้รังเกียจว่าจะเหม็นสักเพียงใด ขอให้ลูกน้อยสะอาด สบายตัวพ่อแม่ก็พอใจแล้ว ยามลูกนอนพ่อแม่ก็เฝ้าดูแล มิให้ยุงกัดหรือสัตว์ชนิดใดมารบกวนลูกน้อย พ่อแม่ก็จะร้องเพลงกล่อมลูกน้อยให้หลับก่อน พ่อแม่ถึงจะล้มตัวลงนอนได้
เมื่ออายุครบเกณฑ์ที่ต้องเข้าโรงเรียน พ่อแม่ก็เตรียมเงินทอง เพื่อใช้จ่ายในการเรียน เตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน หาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้ลูกเรียน ถึงแม้จะเสียค่าใช้จ่ายมากมายเพียงใดก็ตาม ถ้ามีเงินไม่เพียงพอ พ่อแม่ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือนำสิ่งของเข้าโรงรับจำนำเพื่อนำมาเป็นทุนให้ลูกเรียน กว่าลูกจะเรียนจบเริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย รวมเวลา ๒๐ กว่าปี พ่อแม่กว่าจะหาเงินมาให้ลูกแต่ละบาทต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จนสายตัวแทบขาด แม้ชีวิตก็ยอมสละให้ลูกได้ขอเพียงให้ลูกเป็นคนดี สำเร็จการศึกษา มีงานทำ นอกจากนั้นพ่อแม่ยังต้องหาคู่ครองที่ดีให้ลูก ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น มีฐานะที่มั่นคง มียศถาบรรดาศักดิ์ มีเกียรติยศชื่อเสียง เป็นพลเมืองดีของสังคม และประเทศชาติบ้านเมือง เท่านี้พ่อแม่ก็มีความภาคภูมิใจในตัวลูกแล้ว แม้ท่านจะตายก็นอนตายตาหลับ
เพราะฉะนั้น ขอให้ลูกทุกคนจงเข้าใจเถิดว่า พ่อแม่เป็นบุพการี ที่ประเสริฐสุด ทะนุถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดู อบรมสั่งสอนจนเรามีความสำเร็จในชีวิต ดังนั้นพ่อแม่คือบุพการี ผู้มีอุปการะต่อเรา เรียกว่า “ บุคคลที่หาได้ยาก ” หน้าที่ของลูกต้องมีความกตัญญู กตเวที ต่อบุพการี
สำหรับ ครู อาจารย์ นั้นก็เป็นบุพการี ผู้อุปการะต่อเราเช่นกัน ท่านมีความเมตตา กรุณา มีความรัก ความสงสาร มีความห่วงใย ความปรารถนาดี สอนลูกศิษย์ให้อ่านออกเขียนได้ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ วิชาการใด ที่ครู อาจารย์ ได้ศึกษาร่ำเรียนมา ก็นำมาสั่งสอนลูกศิษย์ให้รู้ตาม ให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง พ่อแม่และครอบครัว แล้วยังอบรมสั่งสอนคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรมขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี กิริยา มรรยาท ฝึกให้มีระเบียบวินัยให้เหมาะสมกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม นอกจากนั้น ครู อาจารย์ ยังสอนหนังสือให้เราอ่านออกเขียนได้ ให้เรารู้ภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ และภาษาของประเทศอื่น ๆ ตามที่ต้องการจะเรียนรู้ เพื่อจะนำไปใช้ในเวลาจำเป็น เช่นไปเรียนที่ต่างประเทศเป็นต้น หรือใช้สอนลูกศิษย์ในรุ่นต่อ ๆ ไป ดังนั้น ครู อาจารย์ คือ บุพการี ผู้มีอุปการะต่อเรา ซึ่งเรียกว่า
“ บุคคลที่หาได้ยาก ” เช่นเดียวกัน
ปู่ย่า ตายาย ก็เป็นบุพการีมีอุปการะต่อเราเช่นเดียวกัน ท่านคอยช่วยเหลือ เลี้ยงดูเรา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความเมตตา กรุณา มีความรัก ความสงสาร ความปรารถนาดีต่อบุตรหลานคอยอบรมสั่งสอน ต้องการให้บุตรหลาน เป็นคนดี มีความสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงานมีความสำเร็จในชีวิต ซึ่งปู่ย่า ตายายจะรับเลี้ยงดู บุตรหลานต่อจากพ่อแม่ เท่าที่ท่านจะสามารถทำได้ บางคนกำพร้าพ่อแม่ ก็ยังมีปู่ย่า ตายาย คอยรับเลี้ยงดูแล ตั้งแต่เล็กจนโต ส่งเสียให้ได้รับการศึกษา แม้จะเหนื่อยยากลำบากเพียงใดก็ตาม ท่านก็อดทน เลี้ยงดู บุตรหลานจนกว่าชีวิตท่านจะหาไม่ ดังปรากฏอยู่ในสังคมปัจจุบัน ดังนั้น ปู่ย่า ตายาย คือ บุพการีที่มีอุปการะต่อเรา หรือที่เรียกว่า “ บุคคลที่หาได้ยาก ”
๒) ความกตัญญู กตเวที
กตัญญู หมายถึงผู้รู้คุณ
กตเวที หมายถึงการตอบแทนผู้มีพระคุณ
กตัญญู กตเวที หมายถึงผู้รู้คุณและตอบแทนผู้มีพระคุณ เช่น บุตร ธิดา เป็นผู้รู้คุณของพ่อแม่
รู้ว่าพระคุณของพ่อแม่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด แล้วหาทางตอบแทนบุญคุณของท่าน ตามความเหมาะสมกับเพศกับวัย ตามความรู้ ความสามารถ ในขณะที่เป็นวัยเด็กก็สามารถตอบแทน บุญคุณของพ่อแม่ได้ โดยการประพฤติปฏิบัติตนเป็นเด็กดี ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ช่วยเหลืองานพ่อแม่บ้างตามโอกาสอันควร ก็ถือว่าได้ตอบแทนพระคุณของ พ่อแม่ในระดับหนึ่ง
เมื่อถึงวัยหนุ่มสาว ต้องประพฤติตนเป็นคนดี มีศีล ๕ ธรรม ๕ ประจำกาย วาจา ใจ ประพฤติตนอยู่ในครรลองคลองธรรม ไม่ทำผิดขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี หรือไม่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรืออาชญากรรมต่าง ๆ ไม่ไปกระทำผิดกฎหมายใด ๆ เมื่อมีโอกาสก็ทำงานหารายได้ ที่สุจริต เพื่อช่วยเหลือจุนเจือพ่อแม่ จัดหาอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัยให้พ่อแม่ มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ตามกำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังสติปัญญาของเรา เมื่อท่านเจ็บไข้ได้ป่วยก็คอยดูแล รักษา พาไปพบแพทย์ เมื่อถึงวันพระหรือวันสำคัญทางพุทธศาสนา พาท่านไปทำบุญตักบาตร ฟังธรรมเทศนา ปฏิบัติธรรมที่วัด ตามโอกาสอันควร นี่คือการรู้คุณและตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ เรียกว่าเป็นผู้มี “ ความกตัญญูกตเวที ”
ครู อาจารย์ ก็เป็นบุพการีที่มีคุณต่อเรา เราต้องรู้คุณและตอบแทนบุญคุณของท่าน โดยการให้ความเคารพนับถือ กราบไหว้บูชา ไม่ลบหลู่ ดูหมิ่น ดูแคลน ไม่ตีตนเสมอท่าน เชื่อฟังคำสั่งสอนของ ครู อาจารย์ ขณะเรียนหนังสือก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน มีระเบียบวินัย นอกเวลาเรียนก็ประพฤติตนเป็นคนดี เป็นลูกศิษย์ที่ดี คอยดูแล ช่วยเหลือ เยี่ยมเยียน ครู อาจารย์บ้างตามโอกาสอันควร เช่นวันขึ้น ปีใหม่ วันสงกรานต์ เป็นต้น ครู อาจารย์ เมื่อทราบว่าลูกศิษย์เป็นคนดี มีหน้าที่การงานที่ดี มียศถาบรรดาศักดิ์สูง มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย มีศีล ๕ มีธรรม ๕ ประพฤติตนเป็นคนดีของพ่อแม่ และครอบครัว รวมทั้งสังคม ประเทศชาติบ้านเมือง ครู อาจารย์ก็มีความภาคภูมิใจ นี่คือการรู้คุณและตอบแทนบุญคุณ ของครู อาจารย์ที่เรียกว่าเป็นผู้มี “ ความกตัญญูกตเวที ”
ปู่ย่า ตายาย ก็เป็นบุพการี มีอุปการะต่อเราเช่นเดียวกัน เราต้องรู้คุณและตอบแทนบุญคุณ ของท่าน โดยการให้ความเคารพนับถือ กราบไหว้บูชา เพราะท่านคอยเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนเราแทนพ่อแม่ เราต้องหาโอกาสไปดูแล เลี้ยงดูท่านบ้าง เตรียมอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ให้ท่าน หรือพาท่านไปทำบุญตักบาตร ฟังธรรมเทศนาปฏิบัติธรรมตามวัดวาอารามต่าง ๆ ตามโอกาสอันควร หรือไปกราบไหว้ท่านในวันสำคัญ เช่นวันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันเกิดเป็นต้นเมื่อท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ช่วยดูแลรักษาพยาบาล พาท่านไปพบแพทย์ เราต้องประพฤติตนเป็นคนดีมีศีล ๕ ธรรม ๕ ประจำกาย วาจา ใจ ประพฤติตนอยู่ในครรลองคลองธรรม ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี อันดีงาม เป็นหลานที่ดี ทำประโยชน์ให้กับสังคม และประเทศชาติบ้านเมือง เท่านี้ ปู่ย่า ตายายก็ภาคภูมิใจแล้ว นี่คือผู้รู้คุณและตอบแทนบุญคุณ ของปู่ย่า ตายาย เรียกว่าเป็นผู้มี “ ความกตัญญูกตเวที ”
อีกประการหนึ่งเราต้องสำนึกและรู้คุณ ของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบันทั้ง ๓ นี้
เป็นสถาบันหลัก ที่ทำให้ประเทศไทยยังครองความเป็นเอกราช มาจนถึงปัจจุบันนี้
สถาบันชาติ หมายถึง แผ่นดินไทย อำนาจอธิปไตย ประชาชนคนไทย รวมทั้งขนบธรรม เนียม จารีตประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของไทย เราต้องช่วยกันปกป้อง รักษาเอกราช รักษา ผืนแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นแผ่นดินเกิดของเรา เป็นมรดกที่บรรพบุรุษของไทยได้เสียสละ ชีวิต เลือดเนื้อเข้าแลกไว้ เราจะต้องไม่ทำลายชาติ ไม่ขายชาติ เราต้องรักษาชาติ ปกป้องชาติไว้มิให้ใครมารุกราน มาข่มเหงรังแก แย่งชิงไปจากเรา เพื่ออนุชนรุ่นหลัง จะได้มีแผ่นดินเป็นที่อยู่อาศัยสืบต่อไป และยังต้องช่วยกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติบ้านเมืองอีกด้วย นี้คือการรู้คุณและตอบแทนบุญคุณของชาติ เรียกว่าเป็นผู้มี “ ความกตัญญู กตเวทีต่อสถาบันชาติ ”
สถาบันศาสนา หมายถึงพระพุทธศาสนา อันประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ หมายถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมหมายถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์หมายถึง สาวกของพระพุทธเจ้า เราจะต้องเคารพ กราบไหว้ บูชา น้อมนำมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และปฏิบัติตาม โดยเฉพาะ
พระธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
ต่อมวลมนุษยชาติ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธองค์ทรงวางหลักคำสอนไว้ อันมี ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้นำมาประพฤติปฏิบัติตามเพื่อให้ละชั่ว ประพฤติดี ชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ดังนั้นเราต้องช่วยกันรักษา ทำนุ บำรุง และจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง อยู่คู่กับโลกและคนไทยสืบไปตราบนานเท่านาน เราจะต้องไม่ประพฤติผิดครรลองคลองธรรม ซึ่งเป็นเหตุให้ศาสนามัวหมอง และเสื่อมลง นี่คือการรู้คุณและตอบแทนบุญคุณของพระพทธศาสนาเรียกว่ามี “ ความกตัญญู กตเวทีต่อสถาบันศาสนา ”
สถาบันพระมหากษัตริย์ หมายถึงพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ของไทย ในปัจจุบันคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ซึ่งพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงมีเมตตา กรุณา ต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ทรงยึดหลักทศพิธราชธรรม นำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของปวงชนชาวไทย นำความเจริญรุ่งเรืองความผาสุกมาสู่พสกนิกรถ้วนหน้า นอกจากนั้นพระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถจนเกียรติประวัติเลื่องลือไกลหาที่สุดมิได้ เป็นที่ประจักษ์ของนานาอารยประเทศทั่วโลก นำชื่อเสียงเกียรติยศ มาสู่ประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ เราชาวไทยทุกคนมีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาใต้ร่มโพธิสมภาร มีความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข มีความรู้รักสามัคคี รวมน้ำใจไทยทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียว ประพฤติตนเป็นคนดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และถวายความจงรักภักดี ปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและ
ราชบัลลังก์ นี้คือการรู้คุณและตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เรียกว่ามี “ ความกตัญญู กตเวทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ”
พระคุณของพระพุทธเจ้า เหนือกว่าพระคุณของพ่อแม่
การตอบแทนพระคุณของ พ่อ แม่ ถึงแม้จะเลี้ยงดู พ่อ แม่เป็นอย่างดี ให้ท่านมีอาหารการกิน ที่อุดมสมบูรณ์ ให้มีบ้านที่อยู่อาศัยอย่างสุขสบาย หรือแม้จะนำท่านมานั่งไว้บนบ่าของเราตลอดเวลา ให้ท่านถ่ายปัสสาวะ อุจจาระรดบนตัวเราก็ตาม หาได้ทดแทนพระคุณของท่าน ให้สมบูรณ์ได้ไม่
การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ จะให้สมบูรณ์นั้นก็ต่อเมื่อ บุตร ธิดา ได้บวชเป็นพระภิกษุ
สามเณร หรือบวชชี เป็นผู้ปฏิบัติธรรมเป็นอริยชน ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ละชั่วประพฤติดี ชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้เบาบางลง และหมดสิ้นไปจากจิตใจ แล้วนำมาแนะนำชักชวน พ่อแม่ ให้ประพฤติปฏิบัติตาม จนกิเลสเบาบาง และหมดสิ้นไปจากจิตใจในที่สุด พ่อแม่ก็จะพ้นทุกข์ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีก เข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้น จากทุกข์ทั้งสิ้นทั้งปวง นี่คือ การทดแทนบุญคุณของพ่อแม่โดยสมบูรณ์
อันที่จริงคำสั่งสอนของพ่อแม่ ครู อาจารย์ ปู่ย่า ตายาย เพียงสอนให้เราเป็นคนดี มีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงาน มีความสุข ในทางโลกเท่านั้น แต่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ทรมานในความเป็นมนุษย์อีกต่อไป หลายภพหลายชาติไม่มีที่สิ้นสุด
ยังมีผู้ที่มีพระมหากรุณาธิคุณ เหนือกว่า บุญคุณของพ่อแม่ ครู อาจารย์ ปู่ย่า ตายาย ของเรานั้นคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสสอนให้เราและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ละชั่วประพฤติดี ชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะกิเลสเป็นเครื่องเศร้าหมอง ทำให้เราเป็นทุกข์ตลอดชีวิต ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ท่านแล้ว ชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปจากจิตใจ ส่งผลให้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไป เข้าสู่แดนวิมุตหลุดพ้น มีความสุขชั่วนิจนิรันดร์ นี่คือ พระมหากรุณาธิคุณของ องค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ที่ทรงมีพระคุณ เหนือกว่าบุญคุณของพ่อแม่
ความรัก ของพ่อแม่
เมื่อแม่รู้ ว่าในท้อง มีลูกน้อย
แม่เฝ้าคอย ลูกรัก ปักใจห่วง
อยากเห็นหน้า ถ้าได้อุ้ม ประทับทรวง
ทั้งหวงห่วง ผู้เป็นบุตร สุดดวงใจ
แม่นั่งนอน ยืนเดิน ไม่เพลินนัก
กลัวลูกรัก จะสะเทือน เมื่อเคลื่อนไหว
เมื่อลูกน้อย หิวอาหาร ชนิดใด
แม่รีบไป หามาไว้ ให้ลูกทาน
ลูกบางคน อยู่ในท้อง แม่ต้องแพ้
ไม่ท้อแท้ แม้เจ็บป่วย ด้วยสังขาร
ทั้งอาเจียน ทั้งมืดหน้า พาให้คลาน
ทั้งการงาน ทำไม่ไหว แต่ใจดี
เมื่อลูกน้อย คล้อยเคลื่อน ออกจากครรภ์
สิ่งที่ฝัน เมื่อเห็นบุตร สุดผ่องศรี
กอดลูกน้อย ในอ้อมแขน แสนเปรมปรีย์
ในฤดี แสนสนุก เป็นสุขใจ
จะมี สิ่งใดเล่า ในโลกนี้
จะยินดี เท่ามีบุตร สุดขานไข
ความรักแม่ มีให้บุตร สุดดวงใจ
เหนือสิ่งใด ในโลกนี้ ไม่มีเลย
ลูกทุกคน ควรคำนึง ถึงความรัก
เมื่อประจักษ์ อย่าประวิง หรือนิ่งเฉย
ควรทดแทน บุญคุณ แม้ไม่เคย
อย่าละเลย พระคุณท่าน นั้นไม่ดี
จงใคร่ครวญ และตระหนัก รักของแม่
เป็นรักแท้ บริสุทธิ์ ดุจรัศมี
ของดวงจันทร์ อันเจิดจ้า ไร้ราคี
สมควรที่ เทิดทูนไว้ ใส่ใจเอย...
บทกลอน ลูกสำนึกผิด
แม่จ๋าแม่ ลูกสำนึก รู้สึกผิด
ที่เคยคิด เคยทำ กรรมที่ชั่ว
เคยเถียงแม่ ว่าแม่ ไม่เกรงกลัว
เอาแต่ใจ ของตัว ไม่ฟังใคร
ขอให้แม่ ยกโทษ โปรดอภัย
คงไม่สาย เกินไป จะแก้ไข
ลูกทำผิด คิดชั่ว เผลอตัวไป
จะตั้งใจ หรือไม่ ก็ตามที
ถ้าแม่ห้าม สิ่งใด ลูกจะฟัง
ทำงานตาม ที่แม่สั่ง ไม่หลีกหนี
จะกลับตัว ทำตน เป็นคนดี
เพื่อจะให้ แม่นี้ ได้ชื่นใจ
ทั้งกัญชา ยาบ้า ยาเสพติด
ลูกไม่คิด จะเข้า ไปกลายใกล้
แม่จ๋า... ขอให้แม่ สบายใจ
ลูกจะเป็น คนใหม่ ให้แม่ดู
ลูกสัญญา จะพยายาม ทำให้ได้
ขอแม่โปรด ให้อภัย ในตัวหนู
ทุกอย่างที่ ผ่านมา ถือเป็นครู
ลูกพึ่งรู้ แม่รักลูก มากกว่าใคร
ลูกคนนี้ ขอกราบ อโหสิกรรม
ที่เคยทำ ให้แม่ ต้องร้องไห้
ขอให้แม่ ยกโทษ โปรดอภัย
ให้กับลูก คนใหม่ ด้วยเถิดเอย ...
บทกลอน แม่อภัยและให้พร
ลูกเอ๋ยลูก... แม่ได้ยิน... คำลูก... ขออภัย
แม่รู้สึก ชื่นใจ เป็นนักหนา
แม่ได้ลูก ของแม่ กลับคืนมา
มีคุณค่า ยิ่งกว่า สมบัติใด
ตั้งแต่เล็ก จนโต แม่เลี้ยงดู
เฝ้าอุ้มชู ทะนุถนอม เอาใจใส่
แม่เหน็ดเหนื่อย การงาน สักปานใด
แม่ทนได้ ขอเพียง ให้ลูกดี
ที่ผ่านมา ลูกอาจ พลาดพลั้งได้
แม่ยอมให้ อภัย นะโฉมศรี
คำว่าเกลียด จากใจ แม่ไม่มี
ร้ายหรือดี แม่ก็รัก ดั่งดวงใจ
ลูกอย่าลืม คำมั่น และสัญญา
เกิดเป็นคน ลูกจ๋า อย่าร้องไห้
เราแม่ลูก ช่องว่าง คงหายไป
มีแต่ความ เข้าใจ ดีต่อกัน
แม่ขอกราบ วิงวอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่สิงสถิต อยู่เหนือหัว ทั่วโลกา
โปรดจงมา คุ้มครอง ป้องกันภัย
บันดาลให้ ลูกมีสุข ทุกคืนวัน
คุณธรรมและจริยธรรม หมายความว่าอย่างไร
๑. คุณธรรม
คุณธรรม เป็นนามธรรมเป็นเรื่องของจิตที่มีหน้าที่คิด ตามสิ่งต่างๆที่มากระทบ เช่น ตาเห็นรูป
หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจเป็นทุกข์ เป็นสุข ทำให้คิดถึงอดีต ปัจจุบันและอนาคต วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดไป เพราะเป็นธรรมชาติของจิตที่มีหน้าที่คิด
คุณ ในข้อนี้ หมายถึง ความคิดที่ดีมีประโยชน์ ต่อตนเองและผู้อื่น
ธรรม ในข้อนี้ หมายถึง คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสสอนตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาแล้ว กับมวลมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ร่วมกันในโลกนี้
คุณธรรม หมายถึง ธรรมชาติที่เป็นคุณ เป็นประโยชน์ ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์มีชีวิต จิตใจ มีสติ ปัญญา มีความรู้สึกนึกคิดที่ดีกันทุกคน หรือที่เรียกว่า “ คิดดี ” ส่วนจะมีมากหรือมีน้อยแตกต่างกันไป
ผู้ที่มีคุณธรรม หมายถึง ผู้ที่มีสติ ปัญญาดี รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี รู้บาป บุญ คุณ โทษ เชื่อว่าทำดี
ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คิดแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น รวมทั้งประเทศชาติบ้านเมือง หรือได้ศึกษาและปฏิบัติตาม พระธรรมตำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาดีแล้ว เรียกว่าเป็น ผู้มีคุณธรรมประจำใจ
ตัวอย่างผู้ที่มีคุณธรรม หมายถึง เด็กนักเรียนที่มีคุณธรรม หมายถึงผู้ที่มีความเมตตา กรุณา คือมีความรัก ความสงสาร มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผือแผ่ต่อเพื่อน ๆ มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองปละผู้อื่น มีความกตัญญูรู้คุณ พ่อแม่ ครู อาจารย์ และชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีจิตใจอันสูงส่ง มีหิริโอตตัปปะ มีความเกรงกลัวต่อบาป มีความละอายต่อบาป ไม่ดูถูกเหยียดหยามผู้ที่ด้อยกว่า รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี รู้บาปบุญ คุณโทษ มีจิตสำนึกอันดี ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ประพฤติตนเป็นคนดี เป็นแบบอย่างที่ดีของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเองและผู้อื่น รวมทั้งประเทศชาติบ้านเมือง นี้คือตัวอย่างเด็กที่มีคุณธรรมประจำใจ
ตัวอย่างผู้ที่ขาดคุณธรรม หมายถึง เด็กนักเรียนที่มีสติ ปัญญาน้อย ขาดความเมตตา กรุณา ไม่มีความรัก ไม่มีความสงสารต่อผู้ใด ขาดหิริโอตตัปปะ ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป ไม่เชื่อคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่เชื่อว่ามีชาติก่อน มีชาติหน้า ไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตถูกกิเลส คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำ คิดแต่สิ่งที่ชั่วร้าย เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่น รวมทั้งประเทศชาติบ้านเมือง ถือว่าผู้นั้นมีธรรมชาติที่เป็นโทษ หรือเรียกว่า “ ขาดคุณธรรมประจำใจ ” นี้คือตัวอย่างเด็กที่ขาดคุณธรรม นี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังมีคำสอนของพระพุทธเจ้า อีกมากมายที่ผู้ใดนำมาปฏิบัติตามแล้ว ก็จะทำให้เกิดดุณธรรมแก่ตนเอง
๒. จริยธรรม
จริยธรรม เป็นรูปธรรม เป็นเรื่องของการแสดงออกทางกาย ทางวาจา
จริย หมายถึง การแสดงออกทางกาย วาจา ของมนุษย์
ธรรม ในข้อนี้หมายถึง ธรรมชาติของมนุษย์ที่มีกาย วาจา เป็นสื่อภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
จริยธรรม หมายถึงการแสดงออก ทางกาย ทางวาจา
การแสดงออกทางกาย คือ ทำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น รวมทั้งประเทศชาติบ้านเมือง เรียกว่า “ ทำดี ”
การแสดงออกทางวาจา คือพูดแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นที่เรียกว่า “ พูดดี ”
ผู้มีจริยธรรม หมายถึงผู้ที่มีสติปัญญาดี แสดงออกในสิ่งที่ดีงาม ทางกาย ทางวาจา เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น รวมทั้งประเทศชาติบ้านเมือง หรือผู้ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสำรวมทางกาย วาจาดีแล้ว เรียกว่าผู้นั้นมี “ จริยธรรม ”
ตัวอย่างผู้ที่มีจริยธรรม เด็กนักเรียนที่มีจริยธรรม หมายถึงเด็กที่มีกิริยาวาจาสุภาพ เรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน การแสดงออกทางกาย เช่น แต่งตัวเรียบร้อย ถูกระเบียบของโรงเรียน ช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียน ช่วยเหลือกิจการงานของพ่อแม่ เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ครู อาจารย์ ไม่แสดงกิริยากระด้าง กระเดื่อง ใช้วาจา สุภาพอ่อนโยน ไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด ให้ผู้อื่นต้องเสียใจ นี้คือตัวอย่างของเด็กที่มีจริยธรรม คือการพูดดี ทำดี กายประกอบกรรมดี วาจาพูดแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ ที่เรียกว่า “ พูดดี ทำดี ”
ตัวอย่างของผู้ที่มีและขาด คุณธรรม จิรยธรรรม
๑. ผู้ที่มีคุณธรรม และมีจริยธรรม
๒. ผู้ที่ขาดคุณธรรม และขาดจริยธรรม
๓. ผู้ที่มีคุณธรรม แต่ขาดจริยธรรม
๔. ผู้ที่ขาดคุณธรรม แต่มีจริยธรรม
๑. ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่มีคุณธรรมและมีจริยธรรม หมายถึง เด็กนักเรียนที่มีสติปัญญาดี มี
จิตใจบริสุทธิ์ มีความเมตตา กรุณา คือมีความรัก มีความสงสาร ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข มีหิริโอตตัปปะ มีความละอายต่อบาป มีความเกรงกลัวต่อบาป ไม่ใช้กาย วาจา ไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะกลัวว่าจะเป็นบาป เป็นโทษ ติดตัวตามตนไปในชาตินี้ และชาติต่อ ๆ ไป จึงคิดแต่เรื่องที่ดี พูดแต่คำที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี เรียกว่าเป็นเด็กที่ “ มีคุณธรรมจริยธรรม ”
๒. ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ขาดคุณธรรมและขาดจริยธรรม หมายถึงเด็กนักเรียนที่มีสติ ปัญญาน้อย ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ครู อาจารย์จึงไม่มีคุณธรรมประจำใจ เป็นเหตุให้ขาดความเมตตา กรุณา ไม่มีความรัก ไม่มีความสงสาร ขาดหิริโอตตัปปะ ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป ไม่รู้บาป บุญ คุณ โทษ ไม่รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี มีความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น จะคิด จะพูด จะทำอะไร ก็ไม่เกรงกลัวความเดือดร้อน จะเกิดขึ้นกับตัวเองและผู้อื่น รวมทั้งประเทศชาติบ้านเมือง คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ได้ทุกเวลาทุกโอกาส นี้คือตัวอย่างของเด็กที่ “ ขาดคุณธรรมและขาดจริยธรรม ”
๓. ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่มีคุณธรรมแต่ขาดจริยธรรม หมายถึงเด็กนักเรียนบางคน ที่มีความคิดดี มีความเมตตา กรุณา คือมีความรัก ความสงสาร มีความคิดที่จะช่วยเหลือเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นและเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ถือว่าเด็กนักเรียนคนนั้น มีคุณธรรมประจำใจ แต่การแสดงออกทางกิริยา วาจา ตรงข้ามกับความรู้สึกนึกคิด แสดงกิริยา วาจา ไม่สุภาพเรียบร้อย ไม่รู้จักกาลเทศะ พูดปด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียดให้ผู้อื่นเสียหาย ถือว่าเด็กนักเรียนคนนั้น ขาดจริยธรรม นี้คือตัวอย่างของเด็กที่ “ มีคุณธรรมแต่ขาดจริยธรรม ”
๔. ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ขาดคุณธรรมแต่มีจริยธรรม หมายถึงเด็กนักเรียนที่มีสติปัญญาน้อย ขาดคุณธรรมประจำใจ ขาดความเมตตา กรุณา ไม่มีความรัก ไม่มีความสงสาร มีจิตใจโหดร้ายทารุณ
เห็นแก่ตัว ไม่สนใจช่วยเหลือผู้อื่น ถือว่าเป็นเด็กที่ขาดคุณธรรมประจำใจ แต่การแสดงออกทางกาย ทางวาจา กลับตรงข้ามกับความรู้สึกนึกคิดของใจ แสดงกิริยาวาจาที่สุภาพเรียบร้อย ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เต็มใจ เสแสร้งแกล้งพูดดี ใช้วาจาที่ไพเราะ ซึ่งไม่ตรงกับใจหรือที่เรียกกันว่า “ ปากกับใจไม่ตรงกัน ” ถือว่าเป็นเด็กที่มีจริยธรรม นี้คือตัวอย่างของเด็กที่ “ ขาดคุณธรรมแต่มีจริยธรรม ”
เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะมีคุณธรรม และจริยธรรมนั้น บางคนมีคุณธรรมและจริยธรรม มาจากอดีตชาติ คือเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยใจคอดี แต่จะมีมากมีน้อยแตกต่างกัน ผู้ใดมีมาก ก็จะสามารถศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนขจององค์สามเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เร็ว เข้าใจในคำสอนมากขึ้น เรียกว่าผู้นั้น มีคุณธรรม จริยธรรมสูง ส่วนผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรมจากอดีตชาติมาน้อย ต้องพยายามศึกษาและปฏิบัติตามให้เกิดคุณธรรมตามคำสอนในบทนั้น ๆ ผู้ใดได้ศึกษาและปฏิบัติตามได้มาก ผู้นั้นย่อมมีคุณธรรมและจริยธรรมเพิ่มขึ้น เพราะคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ล้วนเป็นการเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมทั้งสิ้น แล้วแต่ท่านจะเลือกคำสอนบทใด มาปฏิบัติให้เกิดคุณธรรมจริยธรรม ให้กับตัวเอง แล้วยังสามารถนำไปอบรมสั่งสอนให้ผู้อื่นมีคุณธรรม และมีจริยธรรมตามได้อีกด้วย